ก่อนที่เราจะไปคุยกันในเรื่อง สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตว่ามันคืออะไร และมีความน่าสนใจรวมถึงรายละเอียดอย่างไร เราควรจะมาทำความเข้าใจกันในเรื่องของการใช้บัตรเครดิตกันเสียก่อน…ปัจจุบันคงต้องยอมรับกันว่าการใช้เงินพลาสติกหรือก็คือบัตรเครดิต เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมกันมาก และมีแนวโน้มการขยายตัวที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากความสะดวกในการใช้งาน ความสะดวกในการพกพา และการใช้งานซื้อสินค้าที่สามารถซื้อด้วยบัตรเครดิตมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น ร้านค้าปัจจุบันนิยมเปิดให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ด้วยการรูดบัตร เพราะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่เร็วมากยิ่งขึ้น ส่วนสถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการด้านสินเชื่อก็มีการเปิดโอกาสให้มากขึ้น โดยลดเงื่อนไขด้านคุณสมบัติของผู้มีบัตรเครดิต ทำให้คนทั่วไปสามารถมีบัตรเครดิตได้มากยิ่งขึ้น นี่ยังไม่นับเรื่องของการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือสังคมออนไลน์ที่มีการนำสินค้ามาเสนอขายมากมาย และผู้ที่ถือบัตรเครดิต สามารถซื้อสินค้าทาง internet เหล่านี้ได้อย่างสะดวก และสามารถซื้อได้จากทั่วโลกอีกด้วย ไม่แค่ผู้จำหน่ายสินค้าในประเทศ ซึ่งก็ถือเป็นความสะดวกของคนยุคนี้สมัยนี้ และด้วยเหตุผลของการเป็นเจ้าของบัตรได้ง่ายขึ้น และมีช่องทางในการซื้อสินค้าด้วยบัตรเป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกเลยทีเป็นไปได้ที่จะมีปัญหาตามมาจากการใช้บัตรเครดิตมากเกินไปจนจนเกิดภาระหนี้สิน…และมีจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบปัญหาในการชำระเงินคืน ซึ่งแน่นอนว่าจะเริ่มตามมาด้วยดอกเบี้ยอัตราปรับที่สูงกว่าปกติ ไปจนถึง…การฟ้องร้องเพื่อให้ชำระหนี้คงค้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้หลายๆ คนที่ใช้บัตรอย่างไม่ระมัดระวังประสบปัญหาและมีความเครียดเกิดขึ้น…ปัญหาเหล่านี้เอง เป็นที่มาของ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต

สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร…

สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นในความเป็นจริงแล้วก็คือ เงินกู้ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินหลายรายจัดทำขึ้น แต่เป้าหมาย เพื่อให้ใช้ในการจัดการกับปัญหาหนี้สะสมจากการใช้บัตรเครดิตเป็นหลัก ไม่เน้นในเรื่องการนำไปใช้เพื่อการซื้อสินค้าหรืออุปโภคบริโภค และสามารถขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแบบข้ามสถาบันการเงินได้ หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นหนี้บัตรเครดิตจากธนาคารแห่งหนึ่ง ก็สามารถมาขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากอีกสถาบันการเงินหนึ่งได้นั่นเอง ซึ่งข้อดีของ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นก็คือ เป็นการเริ่มต้นเงินกู้ก้อนใหม่ ที่ทำให้ผู้กู้ไม่ต้องไปเสียเงินในส่วนของค่าปรับเงินค้างชำระ หรือเงินค่าปรับการผิดนัดชำระ ซึ่งจะมีอัตราที่สูง และทำให้มีประวัติทางการเงินเสีย อันจะส่งผลกระทบต่อเรื่องเครดิตบูโรของแต่ละคน ทำให้ไม่สามารถกู้เงิน หรือทำธุรกรรมทางการเงินในการขอสินเชื่อได้ทำให้เกิดผลกระทบในการใช้ชีวิตหรือการดำเนินธุรกิจ ผู้ที่ได้รับการ อนุมัติ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็จะหมดภาระในส่วนดังกล่าวไป เป็นการเริ่มต้นใหม่ โดยประวัติไม่เสียหาย ไม่เสียดอกเบี้ยในอัตราค่าปรับ และยังมีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ยาวนานขึ้น สามารถทยอยผ่อนได้ในระดับที่มีกำลังส่งไหว

วงเงินให้กู้ของ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตอาจจะมีความแตกต่างกันแล้วแต่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดขึ้นมา แต่โดยส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 5 เท่า ของรายได้สุทธิ และมีเพดานกำหนดเอาไว้ไม่เกิน 500,000 – 1,000,000 บาท ส่วนระยะเวลาก็จะอยู่ที่ 12 – 60 เดือน แต่ก็แล้วแต่การออกแบบของฝ่ายสินเชื่อของแต่ละสถาบันการเงิน

ในเรื่องของคุณสมบัติของผู้ที่สามารถขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้นั้น ส่วนมากจะยินยอมให้ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับทั้งผู้ที่มีรายได้ประจำหรือพูดง่ายๆ คือ กินเงินเดือน และผู้ประกอบการส่วนตัว ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินจะมีการกำหนดวงเงินรายได้ และอายุการทำงาน หรือระยะเวลาในการเปิดดำเนินธุรกิจของผู้ขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตไม่เท่ากัน แต่ที่เหมือนกันเป็นส่วนมากก็คือ… ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงินเสียหาย หรือ ติดเครดิตบูโรนั่นเอง และต้องไม่เป็นผู้ที่มีหนี้สินล้านพ้นตัว คือ ต้องมีลักษณะเชื่อมั่นได้ว่า มีความสามารถในการผ่อนชำระ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้

หลักฐานที่ใช้เพื่อยื่นประกอบในการขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตส่วนมากสถาบันการเงินจะร้องขอ เอกสารหรือหลักฐานที่แจ้งยอดหนี้บัตรเครดิตเดือนล่าสุดด้วย นอกเหนือจากเอกสารส่วนตัวที่เป็น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงานที่ผู้ขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทำงานอยู่ หรือในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ทำงานอิสระ ก็จะต้องมี Statement บัญชีเงินฝาก ย้อนหลัง 3 – 6 เดือน (แล้วแต่สถาบันการเงินแต่ละแห่ง) สำเนาทะเบียนการค้า เป็นต้น พูดง่ายๆ ก็คือ มีหลักฐานแสดงถึงแหล่งที่มาของรายได้ ที่เพียงพอให้สถาบันการเงินเชื่อมั่นได้ว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ของ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้…

แต่ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่สามารถได้รับ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็คือ… การรักษาวินัยทางการเงิน ต้องพยายามผ่อนชำระให้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาประวัติของตนเอง และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากการไม่สามารถผ่อนชำระไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีกรอบ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การหาสินเชื่อมาจัดการกับปัญหาหนี้สิน ก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกนั่นเอง…